ในปี 2024 อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ในไทยมีทิศทางชัดเจนในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและขยายบริการสุขภาพ เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้น สะท้อนจากแนวโน้มการเติบโตที่สำคัญอยู่ 4 ด้าน
การให้บริการด้านสุขภาพออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจากสถิติพบการใช้บริการโทรเวชกรรมทางไกล (Telemedicine) โดยภาพรวมเพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับปี 2023 โรงพยาบาลนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการผ่านแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยลดความจำเป็นในการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลและเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน
ประเทศไทยกำลังเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ สัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจะคิดเป็น 1 ใน 5 หรือประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ความต้องการบริการดูแลสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์และการขยายเครือข่ายโรงพยาบาลรัฐและเอกชน รวมถึงสิทธิการรักษาต่างๆที่จะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นสูงมาก
การขยายตัวของบริการของสถานพยาบาลเอกชนที่เติบโตร้อยละ 15% ทั้งจากผู้รับบริการในประเทศและต่างประเทศ คาดปี 2567 สร้างรายได้ 3.22 แสนล้านบาท นำมาสู่การลงทุนทั้งด้านเทคโนโลยีสารสนเทศการแพทย์ และเพิ่มศักยภาพการรักษาทางการแพทย์โรคยากซับซ้อน นำมาสู่การขยายศักยภาพในการรองรับรวมถึงการดูแลโรคยากซับซ้อนร่วมกับภาครัฐในสิทธิการรักษาของกองทุนดูแลสุขภาพต่างๆ ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดการเข้าถึงของประชาชนในการรับบริการมากยิ่งขึ้น
สถานการณ์ขาดแคลนแพทย์ (โดยเฉพาะในภาครัฐ) คิดเป็นร้อยละ 25 ทำให้สถานพยาบาลนำเทคโนโลยีมาเสริมศักยภาพการให้บริการ รวมถึงการบริหารจัดการภายในสถานพยาบาลให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะช่วยได้ส่วนหนึ่ง แต่สถานการณ์การขาดแคลนแพทย์ยังคงเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญ โดยเฉพาะในสถานพยาบาลภาครัฐ
ด้านคุณเอกฤทธิ์ ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทแบ็คยาร์ด บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีด้านเฮลท์เทค กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงในระบบสุขภาพไทยว่า การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีสุขภาพ มีความจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบและผลิตภัณฑ์ในการให้บริการที่ตอบโจทย์กับสถานพยาบาลและช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบสุขภาพ ไม่ใช่เฉพาะไทยแต่เป็นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งมีปัญหาร่วมขาดบุคลากรทางการแพทย์และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ยังสามารถพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตและการขยายการให้บริการได้อีกมาก
"หลังจากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมา สถานพยาบาลหลายแห่งในไทยให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทางการแพทย์ รวมทั้งความท้าทายด้านภัยไซเบอร์ กลุ่มบริษัทแบ็คยาร์ดยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางการแพทย์ โดยเฉพาะในช่วงที่ระบบสุขภาพของไทยกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว บริษัทเห็นความสำคัญในการนำเทคโนโลยีมาช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์และสร้างระบบที่ตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลาย พร้อมเป็นพันธมิตรในการขับเคลื่อนวงการสุขภาพของประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยโซลูชันที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการอย่างมีประสิทธิภาพ”, คุณเอกฤทธิ์กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับองค์กรที่สนใจเทคโนโลยีด้าน Healthcare หรือสนใจเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ สามารถติดต่อเรา ทีมงานพร้อมติดต่อกลับเพื่อให้คำปรึกษามอบโซลูชันที่ตอบโจทย์มากที่สุด
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Backyard ได้ที่ https://linktr.ee/backyard.group